สวีเดนยกระดับมาตรการทางสังคม เพื่อยับยั้งโควิด-19

รัฐบาลสวีเดนเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการทางสังคม เพื่อหวังชะลอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยรวมถึงการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ว่านายกรัฐมนตรีสเตฟาน เลิฟเวียน แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในสถานที่สถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อใช้บริการระบบขนส่งมวลชนในช่วงเวลาเร่งด่วน “เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ”

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. จนถึงวันที่ 24 ม.ค.ปีหน้า “เป็นอย่างน้อย” การสวมหน้ากากอนามัย “เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติ” ขณะที่สถานประกอบการที่ไม่จำเป็น ต้องปิดบริการตลอดช่วงเวลานี้ บริษัทเอกชนจัดสรรเวลาให้พนักงานทำงานจากที่บ้านให้ได้มากที่สุด แม้ร้านอาหารยังให้บริการรับประทานในร้านได้ แต่ต้องลดจำนวนลูกค้าต่อรอบ และการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ยุติหลังเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 02.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) จากปัจจุบันคือ 22.00 น. ( 04.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย )
 
ในส่วนของการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา ให้นักเรียนอายุระหว่าง 13 ถึง 15 ปี กลับไปเรียนออนไลน์ “โดยเร็วที่สุด” ส่วนนักเรียนอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งเรียนออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา ให้ดำเนินการแบบเดิมต่อไป

ด้านนางอิซาเบลลา เลอวิน รองนายกรัฐมนตรีของสวีเดน กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้” ที่ชาวสวีดิชจะใช้ชีวิตปกติ ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาด-19 ที่เป็นเรื่องของ “ความเป็นกับความตาย” ขณะที่กรมควบคุมโรคออกแถลงการณ์ ว่า “ไม่เคยคัดค้าน หากจะมีการบังคับสวมหน้ากากอนามัย”

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลสวีเดนเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ ตรัสว่าชาวสวีดิชจำนวนมากต้องเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สะท้อนว่าสวีเดน “ล้มเหลวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา” ในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคนี้ ที่ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอย่างน้อย 367,120 คน และเสียชีวิตแล้ว 7,993 คน