เฟซบุ๊ก “ยอมเจรจา” กับรัฐบาลออสเตรเลีย

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่า เฟซบุ๊ก “ตกลง” กลับมาเจรจาร่วมกันอีกครั้ง เกี่ยวกับกฎหมายเรื่อง “การจ่ายค่าคอนเทนต์” ส่งผลให้ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียบล็อกการแชร์เนื้อหาข่าวในดินแดนดาวอันเดอร์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ว่านายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน แถลงเมื่อวันเสาร์ ว่าเฟซบุ๊ก “ตกลง” กลับมาเจรจากับรัฐบาลออสเตรเลียอีกครั้ง เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์จากเนื้อหาข่าว

ขณะที่นายจอช ไฟรเดนเบิร์ก รมว.การคลังของออสเตรเลีย สนทนาทางโทรศัพท์กับนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของเฟซบุ๊ก แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมามากนัก
 
ในเวลาเดียวกัน นายไซมอน มิลเนอร์ รองประธานด้านนโยบายสาธารณะของเฟซบุ๊ก ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวผ่านระบบวิดีโอคอล มายังที่ประชุมคณะกรรมาธิการด้านกิจการสื่อสารและสื่อดิจิทัลของวุฒิสภาออสเตรเลีย ยอมรับและขอโทษต่อความผิดพลาดของเฟซบุ๊ก ที่มาตรการปิดกั้นเนื้อหาข่าว ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการเผยแพร่เนื้อหาของเพจซึ่งเป็นของหน่วยงานรัฐบาลออสเตรเลีย
  
อย่างไรก็ตาม มิลเนอร์ยังคงวิจารณ์กฎหมายที่กำลังเป็นข้อพิพาทระหว่างเฟซบุ๊กกับรัฐบาลออสเตรเลีย ว่า “มีเนื้อหาคลุมเครือ” ในหลายประเด็น ด้านมอร์ริสันยืนยันว่า วุฒิสภาจะเดินหน้าพิจารณาและลงมติบัญญัติกฎหมายในเรื่องนี้ต่อไป หลังสภาผู้แทนราษฎรผ่านกฎหมาย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ ผู้นำออสเตรเลียกล่าวด้วยว่า หากเฟซบุ๊กต้องการทำธุรกิจในประเทศนี้ บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเป็นความจริงที่สมเหตุผลอยู่แล้ว และกล่าวย้อนไปถึงเหตุการณ์กราดยิงสังหารหมู่ ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ของนิวซีแลนด์ เมื่อปี 2565 ซึ่งคนร้ายเป็นชาวออสเตรเลีย คืออีกหนึ่งแรงกระตุ้นสำคัญ ให้รัฐบาลต้องดำเนินการ “ควบคุม” สื่อออนไลน์
 
อนึ่ง มอร์ริสันเคยกล่าวว่า จำเป็นต้องผลักดันกฎหมาย หลังเจรจากับเฟซบุ๊กและกูเกิลมานานกว่า 1 ปี “แต่แทบไม่มีความคืบหน้า” หากกฎหมายมีผลบังคับใช้จริง ออสเตรเลียจะเป็นประเทศแรกของโลกที่สามารถ “ให้ความคุ้มครองด้านผลประโยชน์” กับผู้ผลิตเนื้อหาข่าวภายในประเทศ และอาจขยายไปถึงธุรกิจดิจิทัลแบบอื่นในอนาคตด้วย